H e l l o

ยินดีต้อนรับทุกคนนะคร้า..*-*



เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
มหาสารคาม, ตะวันออกเหนือเฉียง, South Georgia & South Sandwich Islands

ศิลปวัฒนธรรมภาคอีสาน

ลาบ



เป็นอาหารท้องถิ่นทางภาคอีสาน (รวมถึงประเทศลาว)และภาคเหนือ โดยนำเนื้อมาสับให้ละเอียดแล้วคลุกกับเครื่องปรุง โดยเนื้อที่มาทำลาบเป็นเนื้อหลายชนิด เช่น เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อปลา และ เนื้อหมูลาบนกก็มี และยังลาบสัตว์จำพวกกวาง เช่น ละมั่ง กระจง เก้ง ก็นำมาลาบ ลาบนิยมกินคู่กับข้าวเหนียว ลาบอีสาน เป็นลักษณะอาหารประเภทยำ ปรุงแต่งรสชาติด้วย น้ำปลา มะนาว และ โรย ข้าวคั่ว(พริกผง) (ใบสระแหน่) (ใบหอม) (ใบมะกรูด) ลาบเมือง หรือ ลาบในภาคเหนือ (ลาบคั่ว )แตกต่างจากลาบอีสานโดยจะปรุงด้วยพริกลาบและกระเทียมเจียวลาบเหนือ (ลาบเมือง) จะสับเลือดไปพร้อมๆ กับสับเนื้อ เป็นภูมิปัญญาเพราะว่า ถ้าไม่ใส่เวลาสับเนื้อเนื้อจะกระเด็นออกนอกเขียง เครื่องเทศของลาบเหนือ(ลาบเมือง)จะมีเยอะกว่า ได้แก่ ดีปลี มะแข่น(พืชเฉพาะถิ่น)นอกจากนั้นจะมีผักโรยหน้าและคนผสมเพิ่มอีก 1อย่างที่แตกต่างคือ ผักไผ่(พืชพื้นบ้าน) ลาบ ในอดีตทำด้วยเนื้อสัตว์ใหญ่ โดยเฉพาะ วัว - ควาย ที่เป็นสัตว์สำคัญ ซึ่งงานนี้โดยปกติแล้ว คนเมือง มักจะกินข้าว ปลา น้ำพริก และผักเป็นประจำทุกวัน แต่มิได้กินเนื้อวัว ควาย หรือเนื้อหมูบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้การกินลาบแต่ละครั้งจึงถือว่าเป็น "มื้อพิเศษ" พร้อมกันนี้ ลาบ ยังเป็นอาหารที่มีเครื่องเทศมากมายและผักนานาชนิด ทานแล้วจึงก่อนประโยชน์แก่ร่างกายหลายๆ ด้าน และ ลาบดิบ ใช้เนื้อดิบๆ และเลือดสดๆ มาทำ ดังนั้น คนเมืองเพศชายจึงถือว่า ลาบดิบ เป็นอาหารแห่งศักดิ์ศรีของพวกเขา แถมทั้งในการทำ ลาบ มีกระบวนการทำหลายขั้นตอน ใช้เวลานาน ค่อนข้างจะยุ่งยาก ส่งผลให้คนจำนวนมากเข้ามาร่วมทำ กลายเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งไปในตัว เครื่องปรุงที่สำคัญในการทำลาบลาบ เป็นอาหารไทย ประเภทยำ มีขั้นตอนการทำดังนี้ นำเอาเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมูมาสับให้ละเอียด ประมาณ 2 ขีด ใส้อ่อนและใส้ตัน ที่ต้มสุกแล้วหั่นให้บาง ประมาณ 1 ขีด หนังและตับ หั่นให้บาง ๆ ประมาณ 1 ขีด เลือดสด ประมาณ 1 ถุงเล็ก ต้นหอม ผักชี หั่น ประมาณ 2-3ช้อน เครื่องแกง เช่น พริกแห้งป่น กระเทียม หัวหอม เกลือ เครื่องเทศเช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกูด พริกไทยดำ ลูกละมาด เพื่อดับกลิ่นคาว วิธีการปรุงลาบ ใส่เนื้อ ใส้อ่อน ใส้ตัน ตับ หนัง ให้เข้ากันแล้วก็เติมเครื่องเทศ เครื่องแกง ผสมให้เข้ากัน เพื่อความเข้มข้นของรสชาติ ก็เติมเลือดลงไปด้วย จากนั้นถ้าต้องการทานแบบดิบก็ทานได้เลย หรือไม่ก็นำไปคั่วให้สุกก็ได้


ภาษาอีสาน

ภาษาพูดของคนอีสานในแต่ละท้องถิ่นนั้นจะมีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไป ตามสภาพทางภูมิศาสตร์ที่มีอาณาเขตติดต่อกับถิ่นใดรวมทั้งบรรพบุรุษของท้องถิ่นนั้นๆด้วย เช่น แถบจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มีชายแดนติด กับเขมร สำเนียงและรากเหง้าของภาษาก็จะมีคำของภาษาเขมรปะปนอยู่ด้วย ทางด้านจังหวัด สกลนคร นครพนม มุกดาหาร หนองคาย เลย ที่ติดกับประเทศลาวและมีชาวเวียดนามเข้ามาอาศัยอยู่ค่อนข้างมากก็จะมีอีกสำเนียงหนึ่ง ชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นๆ ก็จะมีสำเนียงที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและยังคงรักษาเอกลักษณ์นั้นไว้ ตราบจนปัจจุบัน เช่น ชาวภูไท ในจังหวัดมุกดาหารและนครพนม ถึงแม้ชาวอีสานจะมีภาษาพูดที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น แต่ในภาษาอีสานก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงมีความคล้ายกันก็คือ ลักษณะของคำและความหมายต่างๆ ที่ยัง คงสื่อความถึงกันได้ทั่วทั้งภาค ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวอีสานต่างท้องถิ่นกันสามารถสื่อสารกันได้เป็นอย่างดี ถ้าจะถามว่าภาษาถิ่นแท้จริงของชาวอีสานใช้กันอยู่ที่ใดคงจะตอบไม่ได้ เพราะภาษาที่คนในท้องถิ่นต่างๆใช้กันก็ล้วนเป็นภาษาอีสานทั้งนั้น ถึงแม้จะเป็นภาษาที่มีความแตกต่างกัน แต่ก็มีรากศัพท์ในการสื่อความหมายที่คล้ายคลึงกัน ในปัจจุบันชาวอีสานตามเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นได้หันมาใช้ภาษาไทยกลางกันมากขึ้น เพราะวัยรุ่นเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาที่ดีเทียบเท่ากับคนในภาคกลางหรือกรุงเทพมหานคร ทำให้ภาษาอีสานเริ่มลดความสำคัญลง เช่นเดียวกันกับภาษาพื้นเมืองของภาคอื่นๆ แต่ผู้คนตามชนบทและคนเฒ่าคนแก่ยังใช้ภาษาอีสานกันเป็นภาษาหลักอยู่ ทั้งนี้คนอีสานส่วนใหญ่จะสามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาอีสานของท้องถิ่นตนเองและภาษาไทยกลาง หากท่านเดินทางไปในชนบทของอีสานจะพบการใช้ภาษาถิ่นที่แตกต่างกันไปดังที่กล่าวมาแล้ว แต่คนอีสานเหล่านี้โดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวก็จะสามารถสื่อสารกับท่านเป็นภาษาไทยกลางได้อีกด้วย ทั้งนี้เพราะวัยรุ่นชาวอีสานใหญ่จะเข้ามาหางานทำในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อก่อนจะไปหางานทำเฉพาะหลังฤดูทำนา แต่ในปัจจุบันวัยรุ่นส่วนใหญ่จะเข้ากรุงเทพฯและทำงานที่นั่นตลอดทั้งปี ชาวอีสานที่ไปต่างถิ่นนอกจากจะหางานทำแล้ว ก็ยังมีการเผยแพร่วัฒนธรรมรวมทั้งภาษาของตนเองไปในตัว จะเห็นได้จากในปัจจุบันชาวไทยจำนวนมากเริ่มเข้าใจภาษาอีสาน ทั้งจากเพลงลูกทุ่งภาษาอีสานที่ได้รับความนิยมกันทั่วประเทศและจากคนรอบตัวที่เป็นคนอีสาน ทำให้ภาษาอีสานยังคงสามารถสืบสานต่อไปได้อยู่ถึงแม้จะมีคนอีสานบางกลุ่มเลิกใช้


ประเพณีบุญบั้งไฟ



บุญบั้งไฟ นับเป็นประเพณีความเชื่อที่สำคัญในคนอีสาน นิยมทำกันในเดือน 6 ของทุกปี โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญ ได้แก่ จุดมุ่งหมายในการขอฝน ชาวบ้านในภาคอีสาน ถือว่าบุญบั้งไฟเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญมาก เพราะเชื่อว่าหากหมู่บ้านใดไม่จัดงานบั้งไฟก็อาจก่อให้เกิด ภัยพิบัติ เช่น โรคภัยไข้เจ็บ หรือทุพภิกขภัยแก่ชุมชนได้ ในขณะที่ช่วงจัดงานนี้เป็นช่วงที่ ชาวบ้านมีงานต้องทำมาก เนื่องจากเป็นฤดู ของการทำนาปี ฉะนั้นที่ประชุม ผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องปรึกษาหารือกัน เพื่อตัดสินใจว่าจะจัดหรือไม่ในปีนั้น หากตัดสินใจว่าจะไม่จัดแล้ว ก็จำเป็นต้องไปทำพิธีที่ศาลปู่ตาของบ้าน เพื่อขออนุญาตเลื่อนงานบุญนี้ไปในปีหน้า การจัดงานและการละเล่นในประเพณีบุญบั้งไฟ ในวันสุกดิบชาวบ้านจะจัดขบวนแห่บั้งไฟยังศาลปู่ตาของหมู่บ้าน ทำพิธีเซ่นสรวง มีการจุดบั้งไฟที่ใช้ในการเสี่ยงทาย เพื่อเสี่ยงทายดูความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จในการทำนาปีนั้น จากนั้นก็พากันกินเหล้าฟ้อนรำ รอบศาลปู่ตาเป็นที่สนุกสนาน จากนั้นก็พากันแห่บั้งไฟไปยังสถานที่จัดงาน หรือหมู่บ้านที่จัดงานบุญบั้งไฟเพื่อจุดแข่งขันประกวด ประชันกันต่อไป ในปัจจุบันบั้งไฟที่ใช้จุดแข่งขัน มีหลากหลายที่นิยมเรียกกัน ได้แก่บั้งไฟหมื่น บั้งไฟแสน บั้งไฟล้าน ซึ่งมีขนาดของดินปืนมากน้อย แตกต่างกันไป


สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม



พระธาตุนาดูน





พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลแห่งอีสาน ตั้งอยู่ที่บ้านนาดูน เขตอำเภอนาดูน เป็นเขตที่มีการขุดพบที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่น และที่สำคัญยิ่งก็คือ การขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 13-15 สมัยทวาราวดี รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างพระธาตุนาดูนขึ้นในเนื้อที่ 902 ไร่ โดยบริเวณรอบๆ จะมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม สวนรุกขชาติ สวนสมุนไพร ซึ่งตกแต่งให้เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา การเดินทางไปได้จากตัวเมืองมหาสารคาม โดยใช้เส้นทางหมายเลข 2040 ผ่านอำเภอแกดำ อำเภอวาปีปทุม แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทาง 2045 ถึงอำเภอนาดูน ทางราดยางตลอด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 65 กิโลเมตร



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

เมื่อคุณมี “อินเตอร์เน็ต” อยู่ในมือ



ก่อนอื่นเจ้าเรือนต้องขอชมเชยอย่างยิ่งว่าสมใจเจ้าเรือนในประเด็นเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่คุณกิตตินันทน์ได้สรุปออกมา


เจ้าเรือนรู้และรับทราบเรื่องนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงกลางดึกในระหว่างการสนทนาและร่วมหาแนวในการทางนำเสนอกับ


กิตตินันทน์

นับเป็นการหาข้อมูลและวิเคราะห์อย่างเจาะลึกและหนักหน่วงตรงไปตรงมาจริงๆ

ส่วนข้อมูลที่เป็นเนื้อในรายละเอียดนั้น เจ้าเรือนว่าท่านที่อ่านคงพอจะเดาออกว่าจะไปค้นคว้าที่ใดได้บ้าง

เจ้าเรือนมองเห็นถึงบรรทัดฐานที่ดีในการนำเสนอเรื่องนี้ เนื่องจากเนื้อหาและประเด็นมันบอบบางกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกคนไทย


ทุกคนโดยตรง

จึงขอชื่นชมมา ณ ที่นี้

….

สิ่งที่ได้จากเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าเรือนคิดถึง “อินเตอร์เน็ตหรือ โลกเสมือน ทำให้ระลึกและตระหนักได้ถึงความมี ศักดาศักยภาพ

ทรงพลังอย่างมากมหาศาล และประชิดตัวเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนแทบจะแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนคือโลกจริง อันไหนคือ

โลกเสมือน ในความคิดของเจ้าเรือน เพราะมันส่งผลกระทบต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันเป็นห่วงโซ่ และจะยิ่งผูกมัดกันแน่นผสานเป็นโลก

เดียวในไม่ช้านี้


ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า “แนวทางการใช้ชีวิตและจริยธรรมสังคม บนโลกจริงต้องน้อมนำมาใช้บน โลกเสมือน ด้วย เนื่องจากเหตุห่วงโซ่

ตรรกะตามที่เจ้าเรือนแจ้งข้างต้น


แต่ทุกวันนี้สิ่งเจ้าเรือนเห็นและเป็นอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตเล่นเว็บโป๊ Sexสนทนาไร้สาระ จมปลักกับเรื่องที่ไม่ได้ประเทืองปัญญาสาระใดๆ

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตหาประโยชน์และกอบโกย โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบได้เสียกับสังคมโลกจริง

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตเสาะเสพภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม ปรัชญา ศาสนา การเมือง ปกิณกะทั่วไป

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลค้นคว้าหาข้อมูล

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเวทีแสดงออกทางความคิด ทั้งในเชิงสร้างสรรค์ และไม่สร้างสรรค์

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตแสดงอัตตาตนเองอย่างบ้าบิ่น โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดกับผู้ด้อยปัญญา

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตอย่างมีสำนึกสาธารณะและรับใช้สังคมด้วยวิธีการ และแนวทางที่ตัวเองถนัด

บางคนใช้อินเตอร์เน็ตบ่อนทำลายความมั่นคงและวัฒนธรรมทางความคิดของมนุษย์

และบางคนใช้ใช้อินเตอร์เน็ตเครื่องมือรักษาอธิปไตย เกียรติยศและศักดิ์ศรีของชาติได้

...

"คุณล่ะ ใช้อินเตอร์เน็ต เพื่ออะไรบ้าง"


ที่มา : http://www.oknation.net/blog/index.php

ก้าวแรกสู่อินเตอร์เน็ต



Internet


เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมถึงกันอยู่ทั่วโลก

ทำให้คนในเครือข่ายรับและส่งข้อมูลข่าวสารถึงกันได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา

โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ สามารถสื่อสารกันได้ในหลายลักษณะ

ไม่ว่าจะเป็นการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า “E-Mail”

หรือการสื่อสารในทันทีทันใด เช่น ICQ แม้กระทั่งการสื่อสารที่มีทั้งภาพและเสียง

นอกจากนี้ยังมีสาระประโยชน์และความบันเทิงมากมาย ไม่ว่าจะการหาแหล่งความรู้

การจับจ่ายซื้อของ การฟังเพลงออนไลน์ เป็นต้น จะเห็นว่าปัจจุบัน

อินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนในสังคม โดยเฉพาะสังคมเมืองเป็นอย่างมาก

ในเมื่ออินเตอร์เน็ตมีความสำคัญกับการดำเนินชีวิตมากเพียงนี้

ผู้ที่สนใจจึงควรที่จะมีความเข้าใจในเรื่องอินเตอร์เน็ต

ก่อนที่จะเข้าสู่โลกไซเบอร์อย่างเต็มตัว

อยากกลับบ้านแล้ว


แง่ๆๆ มะไหร่จะเลิก
อยากกลับแล้ว

อยากไปเที่ยว


อยากไปเที่ยว เกาหลี ฮ่องกง ซิดนีย์
จังเลยย
ปีใหม่นี้จะไปสิงคโปร์ กะ มาเลเชีย
สรุป** ได้ไปแค่เชียงใหม่
555+


เสียใจได้ยินไหม

ปฏิทิน

Counter

free counters

เพื่อน